คุกกี้ จะมีลักษณะเป็นขนมอบชิ้นเล็กๆ รูปร่างแบน ทำด้วยแป้งสาลี คำว่าคุกกี้มีที่มาจากคำในภาษาดัตซ์ ซึ่งหมายถึง เค้กชิ้นเล็กๆนั่นเอง โดยการแบ่งขนมเค้กที่ผสมออกมาส่วนหนึ่ง จากนั้นแบ่งออกป็นชิ้นเล็กๆและเข้าเตาอบ คำว่า คุกกี้นั้น จะใช้เรียกกันในประเทศแคนาดาและสหรัฐอเมริกา ในขณะที่สหราชอาณาจักรจะเรียกขนมนี้ว่า “บิสกิต” คุกกี้แบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ 2 ประเภท คือ แบ่งตามวัตถุดิบที่ใช้ และแบ่งตามวิธีการทำ
แบ่งตามวัตถุดิบที่ใช้ มี 2 แบบ คือ
- คุกกี้ที่มีไขมันเป็นส่วนผสมหลักส่วนผสมและวิธีผสมของคุกกี้ประเภทนี้จะเหมือนเค้ก จะต่างกันที่คุกกี้มีของเหลวน้อยกว่า เพื่อให้ส่วนผสมข้นพอที่จะทำให้เป็นรูปร่างต่างๆ ได้
- คุกกี้ที่มีไข่เป็นส่วนผสมหลักต่างจากคุกกี้แบบแรกมีวิธีการผสมปริมาณไข่ในสูตรมากกว่า เพื่อช่วยจับอากาศระหว่างการผสมเพื่อที่จะสร้างรูปทรงให้เป็นคุกกี้ได้
แบ่งตามวิที่การทำ มี 6 แบบ คือ
- การหยอด (Dropped Cookies) ส่วนผสมจะมีลักษณะเหลวพอที่จะใช้ตักหยอดลงบนถาดได้ หรืออาจใช้หัวบีบและถุงบีบช่วยก็ได้
- การกด(Pressed Cookies) ส่วนผสมจะมีเนื้อแน่นกว่าคุกกี้หยอด สามารถรีดเป็นแผ่นและใช้พิมพ์กดคุกกี้ ให้เป็นรูปทรงต่างๆ ได้
- การคลึง(Rolled Cookies) ส่วนผสมจะแห้ง คล้ายๆแบบที่ 2 สามารถใช้ไม้รีดแป้งให้เป็นแผ่นแล้วใช้พิมพ์กดคุกกี้รูปต่างๆ กดออกมาเป็นลวดลายที่ต้องการได้
- การปั้น(Moulded Cookies) ส่วนผสมค่อนข้างแห้งและมีประมาณไขมันที่สูง เหมาะสำหรับที่จะปั้นขึ้นเป็นรูปร่างต่างๆ ได้ตามใจชอบ อาจใช้สีผสมอาหารผสมลงไปเพื่อช่วยให้มีสีสันที่ไม่เหมือนใคร
- คุกกี้บาร์(Bar Cookies) คุกกี้มีส่วนผสมใกล้เคียงเค้ก แต่มีลักษณะหนึบๆ อบเสร็จ แล้วตัดเป็นชิ้นๆ นุ่มคล้ายเนื้อเค้ก
- คุกกี้แช่เย็น(Refrigerated Cookies) วิธีการคือตีส่วนผสมทั้งหมด แล้วนำแป้งคุกกี้ไปแช่เย็นให้อยู่ตัว เวลาใช้จะนำออกมาตัดเป็นชิ้นต่างรูปทรงที่ต้องการ จะลักษณะกลมหรือสี่เหลี่ยมก็ได้ แล้วนำไปอบ การแช่เย็นเพื่อให้หลังตัดเป็นชิ้นแล้วยังคงรูปร่างเดิม คุกกี้ชนิดนี้สามารถเก็บไว้ได้นานเป็นเดือน